วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

420



ที่มาของรหัสกัญชา 420
420 (อ่านว่า โฟร์-ทเวนตี้ หรือสี่-ยี่สิบ)
*ถึงอย่างไรก็ตาม มีหลายเรื่องเล่าที่กล่าวถึงความเป็นมาของรหัสนี้ แต่เรื่องราวของกลุ่มวอลโด้คาดว่าเป็นความจริงมากที่สุด
กลุ่มวัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่าวอลโด้ (Waldos) ของโรงเรียนมัธยมซาน ราฟาเอล (San Rafael High School) ทางด้านเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียในประเทศอเมริกา เลือกเวลานัดพบหลังเลิกเรียนเป็นรหัสลับระหว่างเพื่อนที่มารวมตัวสูบกัญชาด้วยกัน
ทำไมต้องสี่โมงยี่สิบ? 4:20/16:20
ช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 1971 - ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวกัญชา กลุ่มวอลโด้ได้ยินถึงพื้นที่ปลูกกัญชาร้างแถวพอยท์เรย์ (Point Reyes) จึงตัดสินใจว่าหลังเลิกเรียนทุกวัน จะขับรถออกตามหาไร่กัญชานี้ด้วยกัน - และแน่นอนพวกเขาก็สูบกัญชาไปด้วย
กลุ่มวัลโด้เลือกเวลา 16:20 เพราะทุกคนมีกิจกรรมหลังเลิกเรียนหมด จึงเลือกเวลาที่สะดวกให้ทุกคนมาเจอ และตั้งจุดนับกันที่รูปปั้นหลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur statue) ในโรงเรียน แต่ก่อนจะมีชื่อเรียกแผนการว่า 4:20 หลุยส์ (4:20 Louis) แต่หลักจากการค้นหาไร่กัญชาไม่เป็นผลสำเร็จ ชื่อเรียกเลยถูกย่อเหลือเพียง 420
จากกลุ่มวัยรุ่นเล็กๆในแคลิฟอร์เนีย ทำไมรหัสนี้จึงได้ถูกแพร่ออกไปทั่วอเมริกา?
ในช่วงยุค70 วงดนตรีร็อค เดอะ เกรทฟูล เดด (The Grateful Dead) กำลังเริ่มทัวร์ และพี่ชายของหนึ่งในกลุ่มของวอลโด้ซึ่งเป็นผู้จัดการวงดนตรีที่เล่นคู่กันกับวงเดอะเดดและเป็นเพื่อนสนิทกับมือเบส ฟิล เลช (Phil Lesh) ด้วย
กลุ่มวอลโด้จึงมีโอกาสได้เข้าหลังเวทีไปสูบกัญชากับพวกนักดนตรีกลุ่มเดอะเดดช่วงที่ทัวร์อยู่ในแคลิฟอร์เนีย และเวลามีคนส่งจ๊อยท์ (joint หรือที่เรียกว่าพันลำ) ก็จะพูดกันเสมอว่า เฮ้ 420 และก็กลายเป็นคำติดปากและรู้กันของแฟนคลับวงเดอะเดด
และเมื่อถึงยุครุ่งเรื่องของวงเดอะเดดที่ได้ทัวร์รอบอเมริกาในยุค 70’s และ 80’s เรื่องราวของ 420 ได้มาถึงหูของบก.ของนิตยสาร High Times ด้วยแผ่นพับเกี่ยวกับ 420 ที่ได้ถูกแจกจ่ายในงานคอนเสิร์ตของวงเดอะเดด
ช่วงนั้นกำลังเข้าสู่ยุค90’sและอินเตอเน็ทกำลังเพิ่งเริ่ม นิตยสาร High Times จึงได้ไปลงทะเบียนชื่อเว็บไว้ www.420.com และตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ420ที่เขียนไว้บนแผ่นพับนั้น (ซึ่งได้เขียนไว้ว่าเป็นรหัสที่ตำรวจจะแจ้งเมื่อเกี่ยวกับกัญชา แต่มันไม่ได้เป็นความจริงและไม่ได้เขียนระบุถึงกลุ่มวอลโด้) และหลังจากนั้น รหัสนี้จึงได้แพร่กระจายไปสู่หมู่กลุ่มชาวสโตเนอร์ทั่วอเมริกา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น